Thursday, December 4, 2008

โรคฟันผุในเด็ก

......

....ฟันผุในเด็ก เป็น เรื่องที่น่าห่วงเป็นอย่างยิ่งที่เด็กไทยส่วนใหญ่มีโรคฟันผุถึง 70% นั้นก็หมายความว่า เด็ก 10 คน เป็นโรคฟันผุเสีย 7 คน หากเรามีเด็กที่มีโรคฟันผุมากก็ยากที่จะคาดหวังไปถึงสุขภาพส่วนอื่นจะแข็ง แรงดี เพราะโรคฟันผุจะมีผลส่งต่อให้เป็นโรคอย่างอื่นตามมา เช่น เจ็บคอ ติดเชื้อ เบื่ออาหาร เด็กจะเจ็บป่วยบ่อย โยเย ปวดฟัน สุขภาพจิตเสีย เชื่อว่าคุณพ่อ คุณแม่ทั้งหลายอยากเลี้ยงดูบุตรหลานให้มีฟันดี ไม่โยเยเพราะปวดฟัน แต่ก็มีข้อน่าสังเกตที่ความรู้และความเข้าใจเรื่องนี้ยังปฏิบัติไม่ถูกต้อง และมองข้ามไป



ทำไมเด็กถึงมีฟันผุมาก?
....เรา ทราบกันอยู่แล้วว่าโรคฟันผุเกิดจาก กรด สัมผัสกับผิวฟัน กรดจะค่อยทำลายเปลือกฟันผ่านเข้าสู่เนื้อฟันซึ่งจะถูกทำลายเร็วมาก จนเกิดเป็นโพรงหรือรูซึ่งอาจจะเห็นชัดถ้ารอยผุอยู่ด้านบดเคี้ยว แต่บางครั้งจะอยู่ตามซอกฟันจึงไม่เห็น หากรอยผุถึงโพรงประสาทฟันอาการปวดก็จะตามมา

ขวดนมกับฟันผุโรคยอดฮิต
....ปกติแล้วเราเลี้ยงเด็กด้วยนมแม่ดีที่สุด แต่ส่วนมากแล้วจะเลี้ยงด้วยนมขวด สิ่งที่ทำให้ฟันผุง่ายมากมีอยู่ 2 ประเด็น
1. การปล่อยให้เด็กดูดนมขวดจนหลับคาขวดนม ฟันก็จะจมอยู่ในน้ำนมเป็นเวลานาน จริงๆ แล้วตัวนมเองก็มีน้ำตาล lactose ซึ่งสามารถเปลี่ยนเป็นกรดทำลายฟันได้ หากเราให้ดื่มนมไม่ดื่มน้ำตาลก็เหมือนกับว่าฟันแช่อยู่ในน้ำนมสัมผัสกับนม ตลอดเวลาที่หลับ ฟันก็จะสึกกร่อนผุได้ง่ายขึ้นและต่อเนื่องกันหลายซี่ จะเห็นได้ชัดที่ฟันหน้าค่อยสึกกร่อนจนเหลือแต่รากที่เราเรียกว่า “ฟันผุจากขวดนม” (bottle caries)

2. อีกเรื่องน่าจะโยงไปถึงความรู้และความเข้าใจผิดไม่เห็นอันตรายของที่มีรส หวาน บางท่านได้นำเอานมข้นหวานมาชงให้เด็กดื่มแทนนมผง แน่นอนคุณค่าทางโภชนาการที่ไม่เหมาะสมแล้วน้ำตาลเข้มข้นสูงเป็นอันตรายอย่าง ยิ่งและก่อให้เกิดฟันผุได้อย่างง่ายดาย อีกทั้งยังเป็นตัวส่งเสริมให้เด็กติดรสหวาน เสี่ยงต่อการเป็นโรคอ้วน เบาหวาน ไขมันในเลือดสูงในอนาคต

คุณพ่อคุณแม่ควรดูแลเรื่องการดูดนมของเด็กดังนี้

- อย่าให้ลูกดูดนมแบบหลับคาขวดนม

- ดูดนมแล้วให้ดูดน้ำตาม หรือใช้ผ้าอุ่นเช็ดฟัน

- ควรให้เด็กเลิกดูดนมเมื่ออายุ 1 ขวบ

- อย่าเลี้ยงเด็กด้วยนมข้นหวาน

สร้างวินัยในการกิน การดื่ม จำเป็นหรือ?
......บาง ครั้งเราก็ลืมไปว่า อาหารที่ทำให้ลูกน้อยรับประทานนั้น มักจะมีน้ำตาลแฝงอยู่ด้วย ทั้งที่น้ำตาลทำให้ฟันผุง่าย? เราต้องหาทางลดการสัมผัสฟันกับน้ำตาลให้น้อยที่สุด โดยจะต้องระวังอย่าปรุงอาหารให้หวานมาก

......ควบคุมเครื่องดื่มทุกชนิด ที่จะดื่ม น้ำผลไม้ส่วนใหญ่จะมีน้ำตาลสูง มีรสเปรี้ยว มีกรด citric ซึ่งจะทำให้ฟันกร่อนได้ หากจะให้เด็กดื่มเพื่อเสริมวิตามินซี ก็ควรผสมให้เจือจางหรือควรให้ในเวลาอาหารไม่ควรดื่มพร่ำเพรื่อ น้ำหวาน เครื่องดื่มน้ำอัดลม ไม่ควรให้เด็กดื่มเป็นประจำ

.....ขนมหวานต่างๆ ที่มาในรูปอาหารสำเร็จ แป้งกรอบ ลูกอม ทอฟฟี่ ช็อกโกแล็ต อาหารเหล่านี้จะติดฟันและอมอยู่ในปากเป็นเวลานาน ฟันแช่อยู่ในบรรยากาศที่เป็นกรดเป็นเวลานาน ฟันก็ผุง่าย ควรเลี่ยง อย่าให้กินเป็นประจำจนติด

.....ส่วนใหญ่ฟันผุในเด็กเป็นเรื่องของ อาหาร ที่ให้ผิดวิธี ให้พร่ำเพรื่อ ไม่ควบคุมจำกัดของหวาน เราลองมาปรับเปลี่ยนกันใหม่ ระมัดระวังและสร้างวินัยในการดื่มและกินให้ลูกน้อยอย่างถูกต้องจะช่วยลดฟัน ผุได้อย่างดีทีเดียว

ทันตกรรมรากเทียม

ทันตกรรมรากเทียม (Dental Implant) คืออะไร


...ทันตกรรมรากเทียมหรือ Dental Implant คือวิทยาการที่คิดค้นขึ้นเพื่อทดแทนการสูญเสียฟันธรรมชาติ โดยจะฝังวัสดุที่มีรูปร่างคล้ายรากฟันลงบนกระดูกขากรรไกร เพื่อช่วยให้ฟันปลอมภายในช่องปากทั้งชนิดถอดได้และชนิดติดแน่นยึดเกาะได้ดี โดยอาจใช้รากเทียมเพื่อการใส่ฟันปลอม 1 ซี่หรือมากกว่านั้น ในบางกรณีการใส่ฟันปลอมทั้งปากก็อาจใช้รากเทียมเพียงตัวเดียวได้เช่นกัน ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับตำแหน่งที่ใช้ในการยึดเกาะของฟันปลอมแต่ละซี่

รากเทียมประกอบด้วย 3 ส่วนสำคัญคือ

1.รากเทียม (Fixture) ซึ่งทำมาจากโลหะไทเทเนียม (Titanium) ซึ่งมีลักษณะคล้ายรากฟัน และจะฝังอยู่ในกระดูกขากรรไกร ซึ่งสามารถยึดติดได้อย่างแนบแน่นโดยไม่ทำให้เนื้อเยื่ออักเสบ และไม่เกิดผลข้างเคียงใดๆ
2.เดือยรองรับครอบฟัน (Abutment) เมื่อฝังรากเทียมบนกระดูกขากรรไกร จะใช้เวลาประมาณ 4-6 เดือนเพื่อให้รากเทียมยึดติดกับกระดูกขากรรไกรได้ดี หลังจากนั้นจึงจะใส่เดือยรองรับครอบฟันลงบนรากเทียม เพื่อใช้เป็นที่รองรับครอบฟันต่อไป
3.ครอบฟัน (crown) เป็นส่วนที่อยู่ด้านบนของเหงือก ซึ่งจะทำมาจากเซรามิค (porcelain) มีรูปร่างลักษณะและสีเหมือนฟันธรรมชาติ

ความถาวรและความน่าเชื่อถือ
...

....จาก การศึกษาวิจัยและเอกสารวิชาการต่างๆได้กล่าวถึงประสิทธิภาพ ของการทำรากเทียมว่าสามารถใช้งานได้อย่างมีประสิทธิภาพเหมือนฟันธรรมชาติ จริงๆ และยังมีลักษณะเหมือนฟันธรรมชาติมากจนยากที่จะสังเกตได้

เหมาะสำหรับทุกคน

...การ ทำรากเทียมนั้นสามารถทำได้กับทุกคนที่สูญเสียฟันแท้ไป โดยไม่จำกัดอายุตราบใดก็ตาม ที่ท่านยังคงสามารถทำรากเทียมได้เสมอในผู้สูงอายุไม่จำเป็นต้องกังวลว่าท่าน จะไม่สามารถทำรากเทียมได้... แล้วความมีชีวิตชีวาจะกลับมาเยือนท่านอีกเพราะท่านจะสามารถทำกิจกรรมประจำวันได้ อย่างมั่นใจอีกครั้ง

ข้อดีของทันตกรรมรากเทียม

.....
...ยิ้มด้วยความมั่นใจ
รับประทานอาหารได้ทุกชนิดที่คุณชื่นชอบ
พูดจาชัดถ้อยชัคคำเป็นธรรมชาติ
เพิ่มประสิทธิภาพในการบดเคี้ยว ทำให้อาหารย่อยได้ดีขึ้น
บูรณะโครงสร้างของใบหน้าให้เกิดความสมบูรณ์แบบยิ่งขึ้น
สร้างเสริมคุณภาพชีวิตให้มีความสุขมากยิ่งขึ้น
เชื่อมั่นในตนเองและทำให้มีบุคลิกภาพที่ดี

ขั้นตอนในการทำรากเทียม

......
ขั้นแรก :

.....ทันตแพทย์จะทำการ X-Ray เพื่อประเมินความหนาของ soft tissue ที่อยู่บนสันเหงือก จากนั้นก็ผ่าตัดเพื่อฝังตัวรากเทียม (Fixture) ลงไปในกระดูก และเย็บปิดแผล จากนั้น 7 วันจึงมาตัดไหมที่เย็บออก และใช้เวลาในการรอเพื่อให้รากเทียมยึดติดกับกระดูกขากรรไกรได้ดี ประมาณ 3-6 เดือน สำหรับฟันบน และ 2-3 เดือน สำหรับฟันล่าง

ขั้นที่สอง :

......ทันตแพทย์จะทำการต่อเดือยรองรับครอบฟัน (Abutment) เพื่อใช้เป็นที่รองรับครอบฟัน และจะทำการพิมพ์ปากเพื่อส่งให้ Lab ทำครอบฟัน
ขั้นที่สาม :

หลังจากนั้นประมาณ 1-4 อาทิตย์ ทันตแพทย์จะนั้นใส่ครอบฟันให้ โดยครอบฟันนั้นทำมาจากวัสดุเซรามิค (porcelain) ซึ่งจะมีรูปร่างลักษณะและสีสวยงามเหมือนฟันธรรมชาติ

หลังจากนั้นทันตแพทย์จะนัดเช็คอีก 1 เดือน, 2 เดือน และ 6 เดือน

....เพราะมีอายุการใช้งานที่ยาวนาน ให้ประสิทธิภาพในการบดเคี้ยวใกล้เคียงกับฟันธรรมชาติ สามารถรับประทานอาหารได้ทุกชนิด ทำความสะอาดได้ง่าย อีกทั้งการดูแลรักษาที่ไม่ยุ่งยาก รวมไปถึงความสวยงาม จึงทำให้ทันตกรรมรากเทียมเริ่มเป็นที่นิยม ได้รับการยอมรับถึงผลสำเร็จในการรักษา และมีแนวโน้มที่จะมาแทนที่สะพานฟันมากขึ้น เพราะสะพานฟันมีข้อจำกัดอยู่บางประการ นั่นก็คือ คุณจำเป็นต้องกรอฟันซี่ข้างเคียงเพื่อเป็นหลักยึดของสะพานฟัน ทำให้สูญเสียเนื้อฟันธรรมชาติไป

.....สะพานฟันเป็นการเสริมฟันในส่วนที่อยู่ด้านบนของเหงือก ฉะนั้นเมื่อเวลาผ่านไปกระดูกที่รองรับรากฟันของซี่ที่ถูกถอนไปจะค่อยๆละลายลง ทำให้เกิดการยุบตัวของกระดูกในบริเวณนั้น โดยเฉพาะส่วนฟันหน้าด้านบน เมื่อกระดูกละลาย จะทำให้โครงหน้าเปลี่ยน และดูแก่กว่าวัย แต่รากเทียมจะช่วยรักษากระดูกรองรับรากฟันไว้ทำให้กระดูกบริเวณนั้นไม่ละลายและคงสภาพเดิมไว้

.....ด้วยทันตกรรมรากเทียม คุณจะสามารถมีฟันซี่ใหม่ที่สวยงาม ใช้งานได้ใกล้เคียงกับฟันธรรมชาติ ทำให้คุณสามารถส่งยิ้มให้กับคนรอบข้างได้อย่างสดใส และสามารถเพลิดเพลินกับการรับประทานอาหารได้อย่างเอร็ดอร่อย อย่างไรก็ตามคุณควรปรึกษากับทันตแพทย์เฉพาะทางรากเทียมอีกครั้ง เพื่อวางแผนและให้การรักษาได้อย่างเหมาะสม และมีประสิทธิภาพ

.........


โรคหอบหืด ภูมิแพ้ คืออะไร-หอบหืด โรคหอบหืด (ASTHMA)

Asthma คือ โรคระบบทางเดินหายใจ ซึ่งเกิดจากความไวผิดปกติของหลอดลม ต่อสิ่งกระตุ้น ทำให้ท่อทางหายใจเกิดการตีบแคบ และทำให้หายใจลำบาก

อาการ
เมื่อ ได้รับสิ่งกระตุ้นหลอดลมจะเกิดอาการอักเสบ เยื่อบุหลอดลม จะบวมทำให้ หลอดลม ตีบแคบลง ขณะเดียวกันการอักเสบทำให้หลอดลมมีความไวต่อการกระตุ้นและตอบสนองโดยการหด เกร็งตัวของกล้ามเนื้อหลอดลม ทำให้หลอดลมตีบแคบลงไปอีก นอกจากนี้หลอดลมที่ อักเสบ จะมีการหลั่งเมือกออกมามาก ทำให้ท่อทางเดินหายใจตีบแคบ นอกจากนี้กล้ามเนื้อท่อทางเดินหายใจยังเกิดการหดตัว ทั้งหมดนี้ทำให้เกิดอาการ หายใจลำบาก ไอ หายใจมีเสียงวี๊ซ หายใจถี่ และรู้สึกแน่นหน้าอก ในรายที่มีอาการรุนแรง อาจพบริมฝีปากและเล็บมีสีเขียวคล้ำ

สาเหตุ
หลอดลมของผู้เป็นโรคหอบหืดมีความไวผิดปกติต่อสิ่งกระตุ้น (STIMULI) สิ่งกระตุ้นส่งเสริมให้เกิดอาการหอบหืดได้แก่
สารก่อภูมิแพ้ เช่น ฝุ่น , ไรฝุ่น , ขนสัตว์ , ละอองเกสร
สารระคายเคือง เช่น ควันบุหรี่ , มลพิษในอากาศ , กลิ่น , ควัน
การเปลี่ยนแปลงทางอารมณ์ เช่น ความเครียด , ความโกรธ , ความกลัว , ความดีใจ
การออกกำลังกาย
การเปลี่ยนแปลงของอากาศ
การติดเชื้อไวรัสของระบบทางเดินหายใจ
ยา เช่น ยาแอสไพริน , ยาลดความดันบางกลุ่ม
อาหาร เช่น อาหารทะเล , ถั่ว , ไข่ , นม , ปลา , สารผสมในอาหาร เป็นต้น

คำแนะนำ
1. เด็กควรกินปลาที่มีไขมันมากเป็นประจำ เช่นปลาค็อด จะช่วยลดความเสี่ยงต่อการเป็นหอบหืด
2. รับประทานอาหารที่มี แมกนีเซียมสูง ได้แก่ เมล็ดทานตะวัน
3. ค้นหาว่าแพ้อะไร และพยายามหลีกเลี่ยง
4. งดอาหารที่กระตุ้นอาการหอบหืด ขึ้นอยู่กับแต่ละคน เช่น อาหารที่ใส่สารกันบูดเช่น เบนโซเอท ซัลไฟท์
5. งดอาหารที่ใส่สีสังเคราะห์ เช่น tartrazine , brilliant blue
6. งดนมวัว ธัญพืช ไข่ ปลา ถั่วลิสง
7. รับประทานยาและออกกำลังกายตามที่แพทย์แนะนำอย่างสม่ำเสมอ

  ©Template Blogger Green by Dicas Blogger.

TOPO