Saturday, April 25, 2009

คอลลาเจน คืออะไร

คงเป็นที่ทราบกันโดยทั่วไปว่า ใครๆต่างก็ต้องการให้ตนเอง ผิวสวย หน้าใส ดูอ่อนวัย ไร้ริ้วรอย กันทั้งนั้น แต่ดูเหมือนจะไม่ใช่เรื่องง่ายนัก เพราะผิวพรรณของคนเราต้องรับบทหนัก ทั้งทำหน้าที่เป็นเกราะกำบังร่างกาย ต้องสัมผัสกับแดดจ้า ฝุ่นควันพิษต่างๆนานาไม่เว้นแต่ละวัน อันเป็นสาเหตุที่ทำให้ผิวพรรณ แห้งเหี่ยว หยาบกระด้าง และเกิดริ้วรอย นอกจากนี้พฤติกรรมการดำเนินชีวิตบางอย่าง เช่น นอนดึกสูบบุหรี่ ดื่มกาแฟ ฯลฯ ยังเป็นตัวการสำคัญที่คอยเร่งให้ผิวพรรณที่เคยเปล่งปลั่งต้องเสื่อมสภาพก่อนเวลาและวัยอันควร
ปัจจัยสำคัญอีกอย่างหนึ่งที่มีผลต่อการเหี่ยวย่นของผิวพรรณก็คือ คอลลาเจน(Collagen) ซึ่งเป็นโปรตีนที่มีอยู่ทั่วไปในร่างกายในปริมาณร้อยละ 6 ของน้ำหนักตัว หรือประมาณ 1 ใน 3 ของโปรตีนทั้งหมดที่มีในร่างกาย โดยจะอยู่ภายใต้ผิวหนังชั้นหนังแท้(Dermis) ซึ่งจะประกอบด้วย คอลลาเจน ถึง 75%
คอลลาเจน มีสารประกอบที่สำคัญคือ Proteoglycan และ Glyconsaminoglycans ซึ่งเป็นโครงสร้างหลักของผิวเส้นผม เล็บ กระดูก ข้อต่อ ตลอดจนผนังหลอดเลือด จึงทำให้มีบางคนเรียก คอลลาเจน ว่า "กาวแห่งชีวิต" เพราะทำหน้าที่เชื่อมเซลล์และอวัยวะต่างๆในร่างกายเข้าด้วยกัน รวมทั้งปกป้องอวัยวะภายในร่างกายให้อยู่ด้วยกันในผิวหนังชั้นหนังแท้ นอกจากนี้ คอลลาเจน ยังมีส่วนช่วยเสริมสร้างความเรียบตึงของผิวหนังทำให้ผิวแข็งแรงและเรียบเนียน โดยจะทำหน้าที่คู่กับโปรตีนที่สำคัญอีกชนิดหนึ่งคือ อีลาสติน(Elastin) ซึ่งช่วยสร้างความยืดหยุ่นให้กับผิว และทำให้ผิวไม่มีริ้วรอย ดังนั้นในปัจจุบันเราจึงมักจะพบเห็นหรือได้ยินการกล่าวถึง คอลลาเจน กันอย่างกว้างขวาง โดยเฉพาะในแวดวงความสวยความงาม
collagen-structure
รูปแสดงโครงสร้าง คอลลาเจน
การสูญเสีย คอลลาเจน
น่าเสียดายที่เราพบข้อเท็จจริงว่าคนเราเมื่อมีอายุ 25 ปี ขึ้นไป คอลลาเจน จะเริ่มเสื่อมสภาพลง เพราะอัตราการสังเคราะห์ คอลลาเจน ใต้ผิวหนังในชั้นหนังแท้จะลดลงถึง 1.5% ต่อปี และเป็นความโชคร้ายที่จะเกิดกับผู้หญิงมากกว่าผู้ชาย หรือที่เป็นปัญหาเรื่องแก่ก่อนวัยของสาวๆ ซึ่งอัตราการลดลงของ คอลลาเจน ในผิวหนังนั้นจะมีผลให้ผิวพรรณค่อยๆสูญเสียความชุ่มชื้น ยุบตัวลง ผิวที่เคยสวยเต่งตึง ก็จะเกิดริ้วรอยเหี่ยวย่นและสัญญาณของความร่วงโรยจะค่อยๆ เริ่มขึ้นเมื่ออายุ 30 ปี ผิวจะเริ่มหย่อนคล้อยยิ่งอายุเพิ่มขึ้นสัญญาณของความร่วงโรยก็จะเพิ่มเป็นเงาตามตัวดังนี้
collagen-loss-with-age
กราฟแสดงอัตราการเริ่มสูญเสีบคอลลาเจนเมื่ออายุ 25 ปีขึ้นไป
อายุ 30-39 ปี ผิวจะเริ่มมีรอยย่นบางๆ ทอดยาวบริเวณหน้าผาก มีริ้วรอยเล็กๆใต้ขอบตาล่าง และหางตาจะเห็นชัดเวลายิ้มและมีรอยย่นตรงระหว่างคิ้วซึ่งจะเห็นชัดเวลานิ่วหน้ามีริ้วรอยบางๆที่ร่องแก้มจากจมูกจนถึงเหนือริมฝีปาก อาจเกิดไฝ กระ ฝ้าทั้งแบบลึกและตื้นขนาดของรูขุมขนจะเห็นชัดขึ้น
อายุ 40-49 ปี รอยย่นบริเวณหน้าผาก ระหว่างคิ้ว ใต้ขอบตาล่างและหางตาเห็นชัดเจนมากขึ้นรอยย่นข้างแก้มและร่องแก้มลึกทอดยาวไปจนจดมุมปาก มีฝ้าชนิดลึกมากขึ้นสภาพผิวเริ่มแห้งมีรูขุมขนใหญ่และเริ่มจะเป็นสิวอีกครั้งมีติ่งเนื้อขึ้นกระจัดกระจายเป็นตุ่มเล็กๆสีน้ำตาลภาวะนี้เรียกว่าวัยเริ่มตกกระ
อายุ 50-64 ปี ผิวจะมีสภาพเหมือนกับวัย 40-49 ปี แต่จะมีรอยย่นตามร่องแก้มลึกทอดยาวไปจนถึงบริเวณใต้มุมปาก มีฝ้าเกิดขึ้นและติ่งเนื้อมีขนาดใหญ่ขึ้น
อายุ 65 ปี ขึ้นไปผิวหนังหยาบกร้าน มีริ้วรอยทั่วหน้า ริมฝีปากบางมีรอยย่นเหนือริมฝีปากส่วนการเปลี่ยนแปลงอื่นๆคล้ายกับวัย 50-64 ปี
collagen-depletion
รูปแสดงภาคตัดขวางของชั้นผิวหนังเมื่อเกิดการสูญเสีย คอลลาเจน
รูปแสดงการเปรียบเทียบสภาพผิวหนังที่มี คอลลาเจน แตกต่างกัน
ดังนั้นจึงถือว่าเป็นเรื่องของธรรมชาติที่ต้องเกิดขึ้นกับทุกคนโดยที่เราไม่สามารถหยุดยั้งได้ แต่เราสามารถช่วยชะลอความเสื่อมของผิวพรรณ และรักษาผิวไว้ให้ดูดีให้นานที่สุดได้เช่นเดียวกัน โดยการใช้ สารสกัดโปรตีน คอลลาเจน เพื่อทดแทน คอลลาเจน ที่สูญเสียไป
การทดแทน คอลลาเจน ที่สูญเสียไป
การนำสารสกัดโปรตีน คอลลาเจน เข้าสู่ร่างกายเพื่อผลในการบำรุงผิวและลดริ้วรอยนั้นปกติทำได้ 2 วิธี คือ การฉีดเข้าใต้ผิวหนังชั้นหนังแท้และการรับประทานในรูปแบบผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร เนื่องจาก คอลลาเจน เป็นโปรตีนที่มีโครงสร้างโมเลกุลใหญ่มากดังนั้นจึงไม่สามารถซึมผ่านผิวหนังได้ด้วยการทา ซึ่งครีมบำรุงผิวต่างๆตามท้องตลาด ที่มีส่วนผสมของ คอลลาเจน ก็จะเป็นเพียงการผลัก คอลลาเจน ให้เข้าไปอยู่ได้แค่ชั้นผิวหนังกำพร้า (แต่เนื่องจาก คอลลาเจน มีคุณสมบัติอุ้มน้ำไว้ได้ประมาณ 30 เท่า ของน้ำหนัก จึงทำให้ผิวชั้นหนังกำพร้าชุ่มชื้นขึ้นเท่านั้น) จึงไม่สามารถแก้ไขปัญหาริ้วรอยได้อย่างเป็นรูปธรรม และหากจะเปรียบเทียบระหว่างการฉีด คอลลาเจน เข้าใต้ผิวหนังกับการรับประทานแล้ว จะพบว่าวิธีการรับประทานนั้น ง่ายและสะดวกมากกว่าการฉีด ซึ่งค่อนข้างยุ่งยาก มีค่าใช้จ่ายสูงและต้องอาศัยผู้เชี่ยวชาญ
นอกจากนี้ การรับประทานนั้นยังเป็นการนำ คอลลาเจน เข้าไปเสริมสร้างทั้งส่วนของผิวหน้าและผิวพรรณทั่วร่างกายโดยผลการวิจัยด้านโภชนาการได้ค้นพบว่า การรับประทานผลิตภัณฑ์เสริมอาหารที่มีส่วนประกอบของสารที่สกัดจากโปรตีนของปลาทะเลน้ำลึกบางประเภท (ที่มีโครงสร้างทางโมเลกุลคล้ายกับโครงสร้าง คอลลาเจน ของผิวคนเรา) โดยวิธีการ Enzymatic Hydrolysis เป็นประจำอย่างต่อเนื่อง นั้น สามารถช่วยเสริมสร้าง คอลลาเจน ที่สูญเสียไปตามวัยที่เพิ่มขึ้น รวมทั้งช่วยปกป้องและชะลอริ้วรอยเหี่ยวย่น รอยตีนกา ความแห้งกระด้าง ช่วยให้ผิวพรรณมีความชุ่มชื้น นุ่มนวลคงความยืดหยุ่นของผิวไว้ได้เป็นอย่างดี นอกจากนี้ยังช่วยบำรุงเล็บและเส้นผมให้มีสุขภาพดีได้อีกด้วย
บุคคลใดควรรับประทาน คอลลาเจน
คอลลาเจน เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการรักษา ความอ่อนเยาว์และบำรุงผิวพรรณที่ถูกทำลายหรือเสื่อมสภาพลง เนื่องจากวัยที่เพิ่มขึ้น โดยเฉพาะหญิงและชายที่มีอายุมากกว่า 25 ปีขึ้นไปและควรศึกษาคำเตือนบนฉลากหรือบรรจุภัณฑ์ก่อนการรับประทาน

  ©Template Blogger Green by Dicas Blogger.

TOPO